Ridsridoung1สวัสดีครับในตอนนี้ ผมจะได้นำเอาข้อมูลความรู้เกี่ยวกับกลไกการออกฤทธิ์ของสมุนไพรคาว ตำรับที่ผมพัฒนาขึ้นมา ว่ามีผลต่อโรคริดสีดวงทวารอย่างไร มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้ท่านได้นำไปประยุกต์ใช้ในการดูแลสุขภาพของท่านและคนใกล้ชิดของท่านต่อไป

โรคริดสีดวงทวารหนักเป็นโรคที่มีการบันทางการแพทย์ที่เก่าแก่ที่สุดโรคหนึ่ง พบได้บ่อยประมาณครึ่งหนึ่งของคนมีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป โรคนี้จะไม่พบโรคนี้ในสัตว์สี่เท้าเลย บันทึกครั้งแรกของโรคนี้พบในสมัยกรีกและอียิปต์โบราณประมาณ 1200 ปีก่อนพุทธศักราช และมีข้อมูลการรักษาโรคนี้บันทึกติดต่อกันมาเรื่อย ๆ เช่น การจี้ด้วยเหล็กเผาไฟ การจี้ด้วยสารเคมี การผูกรัด เป็นต้น การรักษาสมัยใหม่กำเนิดมาไม่ถึงร้อยปีพร้อมกับการกำเนิดของศัลยแพทย์สาขาโรคลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ในปัจจุบันได้กลายเป็นวิธีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ซึ่งได้ผลดีมาก และไม่ก่อให้เกิดปัญหาโรคแทรกซ้อน

ริดสีดวงทวารเป็นส่วนหนึ่งของรูทวารหนักของมนุษย์ อาจมีการบวมหรืออักเสบเกิดเป็นพยาธิสภาพได้ ในสภาพปกติริดสีดวงทวารซึ่งประกอบด้วยทางเชื่อมต่อระหว่างระบบเลือดแดงกับระบบเลือดดำและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันจะทำให้บริเวณรูทวารหนักมีความอ่อนนุ่มทำให้ถ่ายอุจจาระได้ง่าย ริดสีดวงทวารที่มีพยาธิสภาพอาจทำให้มีอาการได้หลายอย่างขึ้นอยู่กับชนิด ริดสีดวงทวารชนิดภายในอาจทำให้มีเลือดออกทางทวารหนักได้โดยไม่มีอาการเจ็บปวด ในขณะที่ริดสีดวงทวารชนิดภายนอกจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดบริเวณทวารหนัก

Ridsridoung2การรักษาริดสีดวงทวารมักทำโดยให้กินอาหารที่มีกากใย ดื่มน้ำมากๆ เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ แก้ปวดด้วยยาแก้ปวดกลุ่ม NSAID แช่น้ำอุ่น การพักฟื้น การรักษาด้วยการฉีดยา โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อทำให้หัวริดสีดวงยุบลง การใช้ยางรัดเพื่อรัดให้หัวริดสีดวงหลุดออก การจี้ริดสีดวงทวารด้วยอินฟราเรดเพื่อให้ริดสีดวงทวารยุบลง และหยุดเลือดออก ส่วนการผ่าตัดจะมีความจำเป็นสำหรับผู้ป่วยที่รักษาด้วยวิธีการดังกล่าวนี้แล้วไม่ดีขึ้นเท่านั้นทั้งนี้เพื่อตัดหรือเย็บหรือผู้หัวริดสีดวงที่มีอาการ อาจเสริมด้วยการตกแต่งขอบทวาร เช่น ตัดติ่งหนัง หรือขยายปากทวาร หรือ ตกแต่งแผลที่มีร่วมด้วย จะเห็นได้ว่าเราสามารถรักษาริดสีดวงได้โดยการแพทย์แบบแผนอย่างปลอดภัย แต่เนื่องจากหลายวิธีอาจทำให้เจ็บปวดตรงบริเวณรูทวารหนักหรือต้องพักรักษาตัวที่ โรงพยาบาลชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อรักษาตัวเป็นขั้นตอนต่อไป

                 สำหรับสมุนไพรคาวตองที่ผมผลิตขึ้นมา กลไกการออกฤทธิ์หรือวิธีทำงานต่อโรคริดสีดวงทวาร เกิดจากสะเต็มเซลล์ที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยซ่อมแซมที่ไหลเวียนในกระแสเลือด คอยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและไปทำหน้าที่ตามส่วนต่างๆของร่างกายตลอดเวลา ปกติเมื่อเกิดริดสีดวงทวารหนัก จะมีการอักเสบบวมแดงนำมาก่อนเสมอ สะเต็มเซลล์ที่เป็นหน่วยซ่อมแซมจะได้รับสัญญานขอความช่วยเหลือผ่านโลเลกุลที่เซลล์ที่อักเสบปล่อยออกมา สะเต็มเซลล์ที่ไหลผ่านมาในกระแสเลือดก็จะเข้าไปเกาะและเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเซลล์ที่อักเสบหรือผิดปกตินั้นแล้วทำการซ่อมแซม หากจำนวนสะเต็มเซลล์มีไม่เพียงพอก็อาจใช้เวลาในการซ่อมแซมนานขึ้นเพื่อรอให้มีสะเต็มเซลล์สะสมมากขึ้น แต่หากเกิดเหตุใหญ่เช่นริดสีดวงกำเริบหนัก มีแผลใหญ่ การซ่อมใหญ่ก็ทำไม่ได้ไม่ทันโรคก็เป็นเรื้อรังไม่หาย ในRidsridoung3หลักการของการแพทย์สะเต็มเซลล์บอกว่า โรคเสื่อมหรือโรคเรื้อรังทุกชนิดเกิดจากการที่มีจำนวนสะเต็มเซลล์ในกระแสเลือดน้อยเกินไป สมุนไพรคาวตองนี้มีสารเบต้ากลูแคนที่เกิดจากกรรมวิธีการหมัก สารนี้ได้รับการยอมรับว่ามีคุณสมบัติในการกระตุ้นสะเต็มเซลล์จากไขกระดูกได้คล้ายกับการฉีด G-CSF เพื่อเตรียมเก็บสะเต็มเซลล์จากเลือด(PBSC)เพื่อเตรียมฉีดกลับเข้ากระแสเลือดในการรักษาโรคด้วยสะเต็มเซลล์ที่ทำกันมากในต่างประเทศ ตามทฤษฎี สะเต็มเซลล์จากไขกระดูกมีความสามารถที่จะเคลื่อนย้ายไปยังเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจหรืออวัยวะทุกแห่งที่เกิดอักเสบหรือความเสียหายได้ มีการทดลองในต่างประเทศที่ให้สัตว์ทดลองกินสาร Sulfated glucan หรือเบต้ากลูแคนจากผนังเซลล์ยีสต์ในรูปแบบโครงสร้างโมเลกุลที่แตกต่างกันไปหลากหลายรูปแบบ เพื่อไปกระตุ้นไขกระดูกให้ผลิตสะเต็มเซลล์มากขึ้น เซลล์ที่อักเสบจะปลดปล่อยโมเลกุลพิเศษ ที่เป็นเหมือนการส่งสัญญานเรียกสะเต็มเซลล์ที่ไหลเวียนในกระแสเลือดให้มาเกาะและซ่อมแซมเซลล์หรือเยื่อบุที่เสียหาย หากเกิดความเสียหายน้อยสะเต็มเซลล์ก็จะทำการซ่อมแซมทันไม่เกิดพยาธิสภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ร่างกายทำทุกวันตลอดชีวิตของเรา เมื่อเกิดโรคริดสีดวงทวารแสดงว่าร่างกายหรือระบบการซ่อมแซมจากสะเต็มเซลล์ทำการซ่อมแซมไม่ทันหรือจำนวนสะเต็มเซลล์ในกระแสเลือดมีปริมาณน้อยเกินไป ดังนั้นเมื่อมองในมุมกลับ หากเราให้คนที่เป็นโรคริดสีดวงทวารได้กินสารที่มีคุณสมบัติกระตุ้นไขกระดูกให้ผลิตสะเต็มเซลล์ได้มากขึ้นเช่น เบต้ากลูแคน ที่มีปะปนอยู่ในสูตรตำรับของคาวตองนี้ ไขกระดูกก็จะผลิตสะเต็มเซลล์ออกมาไหลเวียนในกระแสเลือดมากขึ้น สะเต็มเซลล์จำนวนมากก็จะไปเกาะเนื้อเยื่อทวารหนักแล้วเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ที่ทวารหนักที่อักเสบให้เป็นเซลล์ที่ไม่อักเสบและทำหน้าที่อย่างปกติอีกด้วย ในที่สุดเมื่อกินคาวตองดังกล่าวนี้ ไปสักระยะที่เหมาะสม โรคริดสีดวงทวารหนักก็จะหายไปได้

กรณีศึกษาผู้ป่วยโรคริดสีดวงทวาร

  1. คุณพัฒนศักดิ์ จำปาโท อายุ 67 ปี 19 ม.5 ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม มีความดันเลือดสูง 180-190 วิงเวียน จนนอนไม่ได้เป็นเรื้อรังมา 7-8 ปี มีริดสีดวงทวาร เวลากินของแสลงจะปวดและมีก้อนโผล่ออกมา แต่ยังไม่มีเลือดไหล เป็นมาร่วม 30 ปีแล้ว ดื่ม ขวดแรก มีถ่ายดำ พอขวดที่ 2 รู้สึกขับรถเดินทางไม่เพลียเหมือนเดิมแล้ว ปกติกิ่นข้าวบ่อยแต่ไม่ค่อยอิ่ม แต่ตอนนี้กินข้าวอิ่มปกติ ตอนสัมภาษณ์ดื่มไปแล้ว 6 ขวด รู้สึกร่างกายแข็งแรงขึ้น ทำงานได้ไม่เหนื่อย

ตัวอย่างผู้ป่วยโรคริดสีดวงทวาร

  1. คุณพัฒนศักดิ์ จำปาโท อายุ 67 ปี 19 ม.5 ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม มีความดันเลือดสูง 180-190 วิงเวียน จนนอนไม่ได้เป็นเรื้อรังมา 7-8 ปี มีริดสีดวงทวาร เวลากินของแสลงจะปวดและมีก้อนโผล่ออกมา แต่ยังไม่มีเลือดไหล เป็นมาร่วม 30 ปีแล้ว ดื่ม ขวดแรก มีถ่ายดำ พอขวดที่ 2 รู้สึกขับรถเดินทางไม่เพลียเหมือนเดิมแล้ว ปกติกิ่นข้าวบ่อยแต่ไม่ค่อยอิ่ม แต่ตอนนี้กินข้าวอิ่มปกติ ตอนสัมภาษณ์ดื่มไปแล้ว 6 ขวด รู้สึกร่างกายแข็งแรงขึ้น ทำงานได้ไม่เหนื่อย
Pin It